โรคเบาหวานคืออะไร (Diabetes)

โรคเบาหวาน เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของต่อมที่ตับอ่อน ซึ่งไม่สามารถผลิต หรือหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมาให้มากเพียงพอที่จะใช้เปลี่ยนน้ำตาลที่ร่าง กายได้รับจากอาหาร จำพวกแป้ง ไขมัน และโปรตีน ให้เกิดเป็นพลังงาน จึงมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่าปกติ น้ำตาลส่วนเกินก็จะถูกขับออกมาในปัสสาวะพร้อมกับน้ำ ทำให้ปัสสาวะบ่อยจำนวนมาก ปัสสาวะมีรสหวาน เราจึงเรียกโรคนี้ว่า เบาหวาน

 ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้ง่าย

1. คนที่มีบิดา มารดา หรือญาติพี่น้องเป็นเบาหวาน มีโอกาสเป็นมากกว่าคนอื่นๆ เพราะ เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์

2. คนอ้วน มีโอกาสเป็นเบาหวานมากกว่าคนไม่อ้วน เนื่องจาก 80% ของโรคเบาหวาน พบในคนอ้วน

3. มักเป็นกับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย

4. คนที่เครียดเป็นประจำ ความเครียดจะมีผลไปกระตุ้นให้มีการหลั่งของฮอร์โมนหลายตัวในร่างกาย ซึ่งขัดขวางการทำงานของอินซูลิน

5. คนที่เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของตับอ่อน หรือมีการอักเสบที่ตับอ่อนจากเชื้อไวรัส หรือ ยาบางชนิด

6. คนที่ดื่มสุราเป็นประจำ สุราจะทำให้ตับอ่อนเสื่อมสมรรถภาพได้

วิทีการตรวจโรค

เราสามารถจะทราบได้ว่าบุคคลใดเป็นโรคเบาหวาน โดย

1. สังเกตอาการต่างๆ ดังนี้

  • กินจุ
  • น้ำหนักลด
  • หิวน้ำบ่อย
  • ปัสสาวะมากและบ่อย
  • อ่อนเพลีย
  • ชาตามมือและเท้า
  • ตาพร่ามัว
  • คันตามผิวหนัง
  • เป็นแผลรักษายาก
  • หญิงที่แท้งบุตรบ่อย / ทารกตายในครรภ์
  • คลอดบุตรตัวโตน้ำหนักมากเกิน 4,000 กรัม

2. วิธีตรวจเลือด เมื่อตรวจเลือดแล้ว พบน้ำตาลสูงกว่า 115 มิลลิกรัม ในเลือด 100 มิลลิลิตร (ผู้จะตรวจเลือดควรงดอาหารทุกอย่างหลังเที่ยงคืน)


การป้องกันโรค

ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีแนวโน้มจะเป็นโรคเบาหวาน ควรหาวิธีป้องกันไว้ดังนี้

1. ควบคุมน้ำหนักตัวให้ปกติ โดยรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณและสัดส่วนพอเหมาะ วันละ 3 เวลา โดย ควร "ลด" อาหาร และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทุกชนิด เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม น้ำหวาน และผลไม้รสหวานจัด เช่น ทุเรียน องุ่น ขนุน ลำไย น้อยหน่า ละมุด มะม่วงสุก มะขามหวาน ลูกเกด โดยเฉพาะผลไม้กระป๋อง เช่น เงาะ ลิ้นจี่ องุ่น

  • ลดเนื้อสัตว์ติดมันต่างๆ
  • ลดอาหารประเภทไขมันที่ได้จากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู เนย และอาหารทอดทุกชนิด
  • ลดอาหารที่มีกะทิ
  • "เพิ่ม" อาหารประเภทผักให้มากขึ้น โดยเฉพาะ ผักประเภทใบ และผักที่มีน้ำมาก กินได้ไม่จำกัดจำนวน เช่น ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ผักกาด บวบ ตำลึง คึ่นฉ่าย ต้นหอม กะหล่ำปลี ฯลฯ ส่วนผลไม้ที่รับประทานได้ เป็นผลไม้ที่รสไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง ชมพู่ พุทรา มันแกว ฯลฯ

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ให้เหมาะสมกับวัย

3. เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายตามนัด และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ โดยรับประทานยา หรือฉีดอินซูลินตามแพทย์สั่ง อย่าหยุดยา หรือเพิ่มยาเอง

4. ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ควรรักษาดูแลความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเท้าและซอกนิ้วเท้า ถ้ามีบาดแผลเกิดขึ้นกับส่วนใดของร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

Advertising Zone    Close
 
Online:  1
Visits:  4,604
Today:  5
PageView/Month:  16

ยังไม่ได้ลงทะเบียน

เว็บไซต์นี้ยังไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์กับ Siam2Web.com